1 มิถุนายน 2564
บทความโดย ดร.อุดม หงส์ชาติกุล ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาด้านการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเชิงบวก ผู้ก่อตั้ง Social Lab ประเทศไทย และผู้นำการขับเคลื่อนสังคมสุขภาวะ Imagine Thailand Movement
“การสร้างความหวัง ความเชื่อมั่น ความไว้วางใจเป็นสิ่งจำเป็นในขณะนี้!!! และการเปลี่ยนเชิงระบบ จะเกิดขึ้นได้ ก็ด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ ความเมตตา ความเอื้ออาทร ความรัก”
ท่ามกลางข่าวสารที่หลั่งไหลเข้ามาทั้งที่เราต้องการทราบและไม่ต้องการทราบ โดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม ความท้าทายคือในแต่ละวันที่เราได้รับข่าวสารมากมาย และจำนวนไม่น้อยมักจะเป็นข่าวร้าย ที่สร้างให้เกิดอารมณ์ด้านลบ ทำให้หดหู่ หมดกำลังใจ เราจะจัดการอย่างไร และคุณเคยลองสังเกตุดูบ้างไหมว่า ระหว่างเสพข่าวร้ายกับเสพข่าวดี สมองมนุษย์เราเปิดรับข่าวชนิดไหนได้ง่ายและรวดเร็วกว่ากัน
โดยธรรมชาติแล้วมนุษย์ซึ่งมีสัญชาตญาณเพื่อการเอาตัวรอดและรับรู้ถึงภัยคุกคามได้รวดเร็ว มนุษย์จึงจะสามารถรับรู้สื่อด้านลบได้ง่ายและรวดเร็วกว่า ทว่าการรับสื่อด้านลบมากๆ นั้นย่อมไม่ดีต่อสุขภาวะใจและกาย จึงเป็นความสำคัญและจำเป็นที่มนุษย์จะต้องเสพข่าวดีเข้าไปบาลานซ์ ให้มีความสมดุล คือให้กายมีพลัง ใจมีกำลัง และมีความหวัง มีพลังงานเชิงบวก ทว่า สัดส่วนในการรับข่าวสารของมนุษย์ควรเป็นอย่างไร
“ในศาสตร์ด้านจิตวิทยาเชิงบวก มีการศึกษาเรื่องการสื่อสารเพื่อสร้างให้เกิดสุขภาวะ จากการศึกษาวิจัยเรื่อง Positivity Ratio ของคุณบาบาร่า เฟรดดริคซั่น Barbara Fredrickson พบว่าในสถานการณ์ทั่วไป หรือภาวะปกติ เพื่อให้พวกเรายังคงอยู่ได้อย่างไม่เครียด ไม่หมดกำลังใจ มีความสุข เราควรเสพสื่อหรือรับข้อมูลเชิงบวก หรือมีกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ ในชีวิต ในสัดส่วนประมาณ 3:1”
นั่นหมายถึงว่าเมื่อเราได้รับข่าวร้าย หรืออยู่ในสถานการณ์ที่สร้างให้เกิดอารมณ์เชิงลบ 1 เรื่อง เราต้องพยายามหาข่าวดีที่สร้างอารมณ์เชิงบวก หรือสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ที่ให้กำลังใจตนเองและคนรอบข้างอย่างน้อย 3 เรื่อง เพื่อให้เรายังคงรักษาสมดุลสุขภาวะไว้ได้ ทั้งนี้การที่เราสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้ผู้อื่น ก็สามารถสร้างพลังงานเชิงบวกให้ตัวเราเองด้วย อย่างไรก็ตามในสถานการณ์วิกฤต เช่นในภาวะสงคราม การขัดแย้งรุนแรงในสังคม หรือในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ดังที่ทั่วโลกและประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ผลการวิจัยของคุณบาบาร่า เฟรดดริคซั่น Barbara Fredrickson พบว่าสัดส่วนการรับข่าวสาร หรือมีกิจกรรมต่างๆ ควรจะเป็นอย่างน้อย 6:1 นั่นคือเราควรได้รับข่าวสารในเชิงบวก ในเชิงความหวังกำลังใจ หรือสร้างสรรค์สิ่งดีๆ 6 เรื่อง เมื่อเราได้รับข่าวร้าย 1 เรื่องเพื่อสร้างให้เกิดสมดุลในตัวเราและมีพลังที่จะฝ่าฟัน สู้ต่ออย่างมีพลัง
หลายคนอาจจะมองว่าทุกวันนี้ เปิดช่องทางไหน ก็เจอแต่ข่าวร้าย ข่าวลบ ข่าวที่ลดทอนกำลังใจ และยากที่จะหาข่าวดีมาชูใจ ยากที่สร้างพลังงานเชิงบวกให้ใจฟู แต่มีข่าวดีครับ เพราะข่าวดี ข่าวสารสร้างสรรค์ และสิ่งที่จะช่วยสร้างความหวัง กำลังใจ พลังงานเชิงบวก ที่ช่วยทำให้เกิดความคิดเพื่อการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้ตนเอง และครอบครัว นี้ ทำได้ไม่ยาก โดยสามารถเริ่มได้ที่ตัวเราเอง เพราะอันที่จริงแล้วทั้งหมดขึ้นอยู่กับมุมมองของเรา ดังคำกล่าวที่ว่า ในวิกฤตมีโอกาส และสิ่งนี้สามารถเริ่มได้ทันที
“การสร้างความหวัง ความเชื่อมั่น ความไว้วางใจเป็นสิ่งจำเป็นในขณะนี้!!!และการเปลี่ยนเชิงระบบ จะเกิดขึ้นได้ ก็ด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ ความเมตตา ความเอื้ออาทร ความรัก ขอเชิญทุกท่านมาร่วมกันสร้างข่าวดี เพื่อสร้างและส่งต่อพลังงานเชิงบวกให้กันและกัน..ให้คนไทยมีรอยยิ้ม มีสุขภาวะดี มีไอเดียสร้างสรรค์ พร้อมก้าวผ่านวิกฤต นี้ไปในที่สุด” #ร่วมส่งต่อพลังงานบวก https://web.facebook.com/groups/223666676296938