อิมเมจิน ไทยแลนด์ฯ ร่วมกับ สสส. หนุน PDA และ ผู้นำชุมชนตำบลคลองพน จ.กระบี่ จัดค่ายเยาวชนสุขภาวะ ปั้นแกนนำพัฒนาชุมชน ลดปัจจัยเสี่ยง

ก่อการดี Newsletter เดือนสิงหาคม 2565
August 1, 2022
“รู้ว่าไม่ดี แต่หยุดทำไม่ได้” ความร้ายกาจของการเสพติด
August 10, 2022

จากสถานการณ์ปัจจัยเสี่ยงที่รุมเร้าเยาวชนทุกด้าน รวมถึงสารพัดปัญหาที่ตามมาจากโซเชียลมีเดีย คนต่างวัย ในครอบครัวและชุมชน ห่างเหิน การเติบโตของสังคมเมือง ปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้ความเป็นชุมชนการเกื้อกูลในอดีต เริ่มจางหาย ทรัพยากรทางธรรมชาติป่าชายเลนที่เคยถูกทำลาย ฟื้นคืนกลับมาได้เมื่อหลายสิบปีก่อน เสี่ยงต่อการลดน้อยลงรวมถึงมีโอกาสที่จะหมดไปอีกครั้ง หากชาวชุมชนตำบลคลองพน อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ไม่เริ่มสร้างการเปลี่ยนแปลง ไม่สานต่อจิตอนุรักษ์ให้เยาวชนคนรุ่นหลังตั้งแต่วันนี้

ดร.อุดม หงส์ชาติกุล ผู้ก่อตั้งห้องปฏิบัติการทางสังคม (ประเทศไทย) และ Imagine Thailand Movement ซึ่งขับเคลื่อนเรื่องการสร้างความร่วมมือ และการสร้างพื้นที่สร้างสรรค์ พื้นที่สุขภาวะต้นแบบ เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงให้เยาวชนไทยและสังคมไทย กล่าวว่า จากปัญหาท้าทายทางสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในตำบลคลองพน เป็นปัญหาเชิงระบบ มีความสลับซับซ้อนซึ่งจะต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วน แต่ด้วยความเข้มแข็งของ ผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนาและสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน (PDA) ซึ่งมีความห่วงใยต่ออนาคตของเยาวชนและสิ่งแวดล้อม แหล่งอาหาร ทรัพยากรธรรมชาติป่าชายเลน ชุมชนจึงยินดีตอบรับเข้าร่วมโครงการสร้างพื้นที่สุขภาวะเพื่อลดปัจจัยเสี่ยง กับ Imagine Thailand Movement ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยเห็นตรงกันว่า กิจกรรมค่ายเยาวชน ที่เคยสร้างแกนนำเยาวชนที่เข้มแข็งในอดีต จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการเชื่อมคนทุกวัย ในหมู่บ้าน เพื่อมาร่วมกันสร้างการเปลี่ยนแปลง และสานต่อจิตอนุรักษ์ป่าชายเลนที่เป็นดั่ง Super Market ของชุมชน

เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้เยาวชนห่างไกลจากปัจจัยเสี่ยงและสร้างจิตอนุรักษ์ จิตอาสา ให้เยาวชนมีส่วนร่วมในการสร้างพื้นที่สุขภาวะ ดูแลทรัพยากรทางธรรมชาติให้คงอยู่คู่วิถีชุมชนให้นานที่สุด ชุมชนตำบลคลองพน จึงมีการจัด “ค่ายสุขภาวะเครือข่ายเยาวชนตำบลคลองพน” ปี 2565 ขึ้นเมื่อวันที่ 18-20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ณ ศูนย์พัฒนาชนบทผสมผสานกระบี่ โดยมีน้อง ๆ นักเรียน ตัวแทนเยาวชนตำบลคลองพน ตั้งแต่ระดับชั้น ป.5-ม.1 เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 50 คน จากโรงเรียนบ้านท่ามะพร้าว โรงเรียนบ้านคลองไคร และโรงเรียนอุทยานศึกษากระบี่

นายณธรรมรักษ์ จงรักษ์ นายกเทศมนตรีตำบลคลองพนพัฒนา เห็นความสำคัญและอยากเห็นคนในชุมชนร่วมมือกันอย่างเข้มแข็ง เพื่อร่วมดูแลเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง และอนุรักษ์รักษาป่าชายเลน ได้ให้เกียรติมาเป็นประธานเปิดค่าย สุขภาวะฯ กล่าวว่า ยินดีให้การสนับสนุนกิจกรรมค่ายเยาวชนอย่างเต็มที่ เพื่อให้เด็กและเยาวชนมาร่วมกันคิด ร่วมเรียนรู้ และออกแบบแผนการพัฒนาชุมชนด้วยตัวเขาเอง ดีใจที่มีโครงการดี ๆ แบบนี้เข้ามาในตำบลคลองพน สิ่งที่เราเห็นได้ชัดจากกิจกรรมค่าย คือ ชุมชนสะอาดขึ้น ขยะ 2 ข้างทางไม่มีให้เห็น นั่นเป็นผลมาจากเด็กมีจิตอาสา ชุมชนมีจิตสำนึก โดยทางเทศบาลฯ จะจัดสรรงบประมาณสำหรับจัดกิจกรรมเพื่อขยายให้ครบทั้ง 10 โรงเรียนในเขตเทศบาลตำบลคลองพนพัฒนา เพื่อสร้างแกนนำเยาวชนให้ครบทุกหมู่บ้าน เพื่อสุขภาวะที่ดีของชาวชุมชนตำบลคลองพนต่อไป

และความพิเศษของค่ายครั้งนี้ คือ ผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา ปลัดอบต. นายกเทศมนตรี ผู้ใหญ่บ้าน ผู้อำนวยการ และคุณครูของโรงเรียน ให้ความสำคัญ และเข้ามามีส่วนร่วมรับฟังความคิดของเยาวชน ทำให้ได้เห็นความคิดที่ดีจากเด็ก ๆ พร้อมเติมเต็มและหนุนเสริม เปิดโอกาสให้กับเยาวชนได้ลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่าง เพื่อชุมชนของเขาเอง โดยมีชุมชน หน่วยงานท้องถิ่นคอยสนับสนุน ภายใต้ความเชื่อมั่นว่า การที่ทุกคนมีส่วนร่วมแบบนี้ และมีแกนนำเยาวชน จะทำให้ชุมชนตำบลคลองพน เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนในที่สุด

นายอำนวย ชูหนู ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาชนบทผสมผสานกระบี่ ภายใต้ PDA ซึ่งให้การสนับสนุนการจัดค่ายเยาวชนตำบลคลองพน และการพัฒนาศักยภาพผู้นำชุมชนมาอย่างต่อเนื่องกล่าวว่า กิจกรรมค่ายและกระบวนการทำค่ายเป็นเครื่องมือที่หล่อหลอมคนได้ดีที่สุดและพัฒนาเยาวชนได้ง่ายได้เร็ว แต่ต้องออกแบบให้สนุก สั้น ทำง่ายและต่อเนื่อง ขณะที่เนื้อหาในค่ายจะต้องเน้น 3 เรื่องหลัก คือ ทักษะชีวิต จิตอาสา และกีฬาสัมพันธ์ เพื่อให้เขารู้จักตัวเองมากที่สุด รู้จักครอบครัว รู้จักชุมชน โดยใช้สโลแกนค่าย “กตัญญู รู้วินัย ใจอาสา กล้าทำดี”

สำหรับชาวชุมชนตำบลคลองพน ค่าย เป็นกิจกรรมที่มีคุณค่าและมีความหมายกับพวกเขา เพราะในอดีตชุมชนแห่งนี้ใช้ค่ายเยาวชน เพื่อเชื่อมพื้นที่ ปลุกความรักสามัคคีของคนในชุมชนและเยาวชน ให้พร้อมใจกันลุกขึ้นสู้จนพลิกฟื้นผืนป่าชายเลนที่เคยถูกทำลาย ให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง
ลุงทวี ทำเผือก และลุงเฉม ลูกบัว เป็นผู้นำชุมชน ที่บุกเบิกทำค่ายเยาวชนร่วมกับชุมชนมาตั้งแต่แรก คือ เมื่อ 22 ปี ก่อน แม้วันนี้ทั้ง 2 ท่าน อยู่ในวัย 70 กว่าปีแล้ว แต่ก็ยังอดห่วงหลาน ๆ เหลน ๆ ไม่ได้ เพราะปัจจุบันปัจจัยเสี่ยงรุมเร้าเยาวชนรอบด้าน ท่านบอกว่า ช่วงที่ค่ายหยุดพัก เด็กอยู่กับบ้าน มีเวลาว่าง มีความเสี่ยงที่จะถูกชักชวนไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งไม่ดี และอบายมุขต่าง ๆ มาก ดังนั้นการกลับมาทำค่ายสุขภาวะฯ ในครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องน่ายินดีมาก เพราะเด็กจะได้มีพื้นที่ทำกิจกรรม ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และชุมชนจะได้มีแกนนำที่จะมาช่วยกันพัฒนาหมู่บ้านต่อไป

“ค่ายมันช่วยเยาวชนได้เยอะ ทำให้เด็กรักกัน ไม่ทะเลาะกัน เด็กที่ผ่านค่ายจะนอบน้อม มีน้ำใจ ไม่ยุ่งเกี่ยวยาเสพติด และพร้อมที่จะช่วยดึงเพื่อนออกจากสิ่งไม่ดี และเด็กเหล่านี้มีจิตอาสากลับมาช่วยดูแลสิ่งแวดล้อม มาพัฒนาชุมชน อยากให้มีค่ายแบบนี้ทุกๆ ปี อยากเห็นเยาวชนและชุมชนอยู่กันมีความสุข ตอนนี้คนเก่าแก่ก็อายุมากแล้ว อยากให้มีเด็กรุ่นใหม่ ๆ ลุกขึ้นมาเป็นผู้นำปกป้องชุมชน” ลุงเฉม กล่าวด้วยความห่วงใย

สำหรับค่ายครั้งนี้ สิ่งที่เด็ก ๆ ได้ติดตัวกลับไปมากกว่าความสนุก คือ ประสบการณ์ที่ล้ำค่า เพราะกระบวนการค่าย ได้สร้างพื้นที่สร้างสรรค์ ที่ถูกออกแบบมาอย่างสร้างสรรค์ โดยแกนนำเยาวนชนรุ่นพี่ ผลผลิตจากค่ายอย่าง พี่ต้า พี่ขวัญ พี่วิ พี่ดีน ครูเกม ครูอุส ที่ต่างยินดีนำมาร่วมเป็นวิทยากร เป็นพี่เลี้ยง นำเอาประสบการณ์มีคุณค่าที่พวกเขาเคยได้รับจากค่ายมาถ่ายทอดให้น้อง ๆ ผ่านฐานกิจกรรมต่าง ๆ ที่สอดแทรกเรื่องภาวะความเป็นผู้นำ ความรักสามัคคี การรู้จักวางแผน ความคิดสร้างสรรค์ มีจิตอาสา กล้าทำดี ได้อย่างแนบเนียน จนทำให้น้อง ๆ รู้สึกปลอดภัย เริ่มเห็นศักยภาพในตนเอง กล้าที่จะพูด เปิดใจ เปิดไอเดีย และกล้าหาญแสดงตัวลุกขึ้นมาอาสาเป็นแกนนำเยาวชน จบกิจกรรมมีการนำเสนอแผนพัฒนาชุมชน ตามภาพฝันที่พวกเขาอยากเห็น ให้กับผู้ใหญ่ได้รับทราบ เพื่อสร้างสุขภาวะที่ดีให้เกิดขึ้นในครอบครัว ในโรงเรียน และในชุมชนของพวกเขา

“ค่ายสอนให้เราเรียนรู้การเป็นคนดีของสังคม และการทำดีเพื่อชุมชน สอนให้เสียสละ รู้จักอดทน มีวินัย และสอนให้เรากตัญญูต่อหมู่บ้าน กล้าทำสิ่งดีๆ นี่คือสิ่งที่ต้าได้จากค่ายเมื่อ10 ปีก่อน จึงอยากส่งต่อสิ่งดี ๆ นี้ให้น้อง ๆ เพราะมันจะดีต่อตัวเราและดีต่อชุมชนของเรา อยากเห็นน้อง ๆ สานต่อกิจกรรมดี ๆ ส่งต่อรุ่นสู่รุ่นเหมือนในอดีต เพื่อให้มีแกนนำเยาวชนเพิ่มมากขึ้น และช่วยกันพัฒนาชุมชนสร้างความสุขที่ยั่งยืน” สุพิตา น้ำใส หรือ พี่ต้าของน้องๆ กล่าว

และอีกหนึ่งคนสำคัญคือ นายวัชรินทร์ มะเม๊าะ อายุ 15 ปี นักเรียนโรงเรียนอุทยานศึกษากระบี่ ลูกหลานของชาวตำบลคลองพน ที่อาสาลุกขึ้นมาเป็นแกนนำและเป็นที่ยอมรับจากเพื่อนๆ เลือกให้เป็นประธาน กล่าวว่า ปกติเป็นเด็กค่าย ชอบทำกิจกรรม สำหรับค่ายนี้คุ้มค่ามาก ได้เพื่อนใหม่ ความรู้ใหม่ ๆ ในเรื่องภาวะผู้นำ สอนให้รู้จักการวางแผน การทำงานเป็นทีม โดยผู้ใหญ่ให้เด็ก ๆ ทำกันเอง คิดเอง เป็นความรู้ที่เราสามารถนำไปใช้ได้จริงในการพัฒนาชุมชน ผมจะทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุดเพื่อชุมชนของเราครับ

เริ่มวันนี้ยังทัน มาร่วมกันสร้างสังคมสุขภาวะให้เยาวชนห่างไกลปัจจัยเสี่ยง และชุมชนมีพื้นที่ปลอดภัย ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข มีสังคมที่ดี มีสิ่งแวดล้อมที่ดี ติดตามความเคลื่อนไหวการสร้างสังคมสุขภาวะกับ Imagine Thailand Movement ได้ทาง Facebook Page : Imagine Thailand Movement และเว็บไซต์ imaginethailandmovement.com